หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณ ฐิตินาถ ณ พัทลุง เมื่อสามปีที่แล้ว เล่าถึงประสบการณ์และความคิดของเค้า หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จ เรียนจบป.โทอังกฤษตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองตั้งแต่อายุ 25 มีครอบครัว มีลูกที่อายุจะครบหนึ่งขวบ เมื่อทราบข่าวร้ายที่เปลี่ยนชะตาชีวิตว่าสามีเสียชีวิตและทิ้งหนี้เกือบร้อย ล้านให้รับผิดชอบ งานศพสามี มีเจ้าหนี้มาหาพร้อมหน้าเพื่อทวงหนี้ เป็นคุณๆจะทำยังไง
คนเรามักคิดว่าปัญหาคนอื่นแม้จะน่าสงสาร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเรา นึกถึงสงครามที่อิรักที่ชาวบ้านตายจากผลการต่อสู้ระหว่างทหารอเมริกันกับผู้ ก่อนการร้าย เราฟังก็รู้สึกสงสาร เห็นใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรหรือทำอะไรต่อ แต่ถ้าเป็นพ่อแม่หรือลูกหรือญาติของชาวอิรักที่ตายไป เราจะรู้สึกต่างไปจากมุมมองคนภายนอกอย่างสิ้นเชิง คราวนี้ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย เราจะทำยังไง
ทุกคนต่างมีปัญหา บางครั้งปัญหาผ่านไปแล้ว แต่เรานี่แหละที่เก็บมาย้ำคิดย้ำทำไม่ยอมปล่อยวาง ทำให้เกิดทุกข์ เปรียบเสมือนเราถือมีดปักใจ ไม่ยอมปล่อยวางเสียที บางคนยึคติดกับวัตถุ กับความรู้สึก อยากเป็นเจ้าของสิ่งของ หรือคนที่เรารัก ทั้งๆที่เราก็รู้ดีอยู่ว่าตายไปเราก็ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้ ใจที่ยึคติดกับทุกข์ของเรานี่แหละคือสิ่งตัวปัญหาที่แท้จริง เมื่อใดที่เราเรียนรู้ความจริงของชีวิต รู้จักปล่อยวาง ทำตัวเราให้มั่นคง เมื่อทุกคนมั่นคง คิดให้ถูกทาง สังคมก็จะมั่นคง และทำให้โลกมั่นคงไปด้วย
หลังจากผู้เขียนหนังสือ ประสบปัญหาใหญ่ของชีวิต เค้าถอยไปตั้งหลักโดยการไปศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม และเข้าใจถึงสัจธรรม ไม่เก็บทุกข์ไว้ในใจ แล้วกลับมาแก้ปัญหา ใช้จ่ายให้พอดีตัว ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตหรูหรา ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก ไม่ว่าจะเป็นรถแพงๆ บ้านหรูหรา และใช้สติในการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมให้พนักงานศึกษาธรรมะ เพราะเชื่อว่าการทำธุรกิจที่มีพื้นฐานจากความสุจริตและใจที่ปรารถนาดี มองการทำงานเป็นการทำความดีให้แก่ลูกค้า ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ทำให้พนักงานรู้สึกดีจากการทำงาน และทำให้ผลงานดีขึ้น จนในที่สุดผู้เขียนหนังสือก็ปลดหนี้ได้หมด และลาออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน มาทำสิ่งที่ตนต้องการทำ คือ ปฏิบัติและส่งเสริมธรรมะ มีเวลาว่างก็ไปบรรยาย ให้คนอื่นๆที่มีปัญหา ให้มีกำลังใจ มีความเข้มแข็งในการดำเนินชีวิต
เข้าชม : 1752
|